8.7.52

และแล้ววันนี้ก็มาถึง

วันที่เราจะได้เห็นชุดใหม่ของทีมกัน มีใครบ้างเป็นนายแบบไปดูกันเลย

ส่วนรายละเอียดข่าวตามนี้ http://juventuscalcio.blogspot.com/2009/07/new-jerseys-presented.html
เสียอย่างเดียว ที่ดีเอโกใส่เบอร์ 28

7.7.52

DIEGO

ดีเอโก รีบาส ดา กุนยา “ดีเอโก” เกิดในหมู่บ้าน Belmiro เริ่มฝึกฟุตบอลตอนอายุ 6 ขวบ กับทีม Comercial FC ในเมือง Ribeirão Preto และเซ็นสัญญากับทีมซานโตสเมื่ออายุ 12 ปี พออายุ 16 ปี ถูก Celso Rott โค๊ชชุดใหญ่ส่งลงสนามในรายการชิงแชมป์ฟุตบอลรัฐริโอ-เซา เปาโล ฤดูกาล 2002 และในปีเดียวกันคว้าแชมป์ลีกในประเทศร่วมกับเพื่อนซี้อย่างโรบินโญ ฤดูกาลนั้นเจ้าตัวลงเล่นในลีก 27 เกม ทำไป 10 ประตู และรายการ Libertadores 14 เกม 4 ประตู พร้อมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไปครอง ดีเอโกลงเล่นกับทีมเซเลเซานัดแรกเมื่อเดือนเมษายน ปี 2003 ในนัดอุ่นเครื่องกับเม็กซิโก ขณะอายุ 17 ปี และลงเล่นไป 5 นัด ยิง 2 ประตู กับชุดยู 23 ในการแข่งขันคอนคาเคฟ โกลด์คัพ ประจำปี 2003
ปี 2004 ดีเอโกลงเล่นในรายการโคปา อเมริกากับทีมเซเลเซา และช่วยทีมคว้าชัยเหนืออาเจนตินาในนัดชิงที่สนามเอสตาดิโอ นาซิออนัลในกรุงลิม่า ประเทศเปรู ภายใต้การคุมทีมของ Vanderley Luxemburgo ดีเอโกเจ้าของเบอร์ 10 ได้รับเกียรติให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมและลงเล่นไป 18 เกม ทำไป 8 ประตู โดยเป็นรายการ Libertadores 9 เกม 4 ประตู และบอลลีกอีก 9 เกม 4 ประตู ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมปอร์โตในลีกโปรตูเกสในเดือนสิงหาคม เพื่อแทนที่ตำแหน่งของเดโก กองกลางชาวบราซิลรุ่นพี่ที่พาทีมคว้าแชมเปียนลีก ก่อนย้ายไปร่วมทีมบาซ่า
6 เกมแรกในสีเสื้อลายทางน้ำเงิน-ขาว ดีเอโกสามารถพาทีมคว้าถ้วยโปรตูกีส ซูเปอร์คัพสำเร็จ และยังคว้าแชมป์ Toyota Cup ร่วมกับทีมใหม่อีกหนึ่งถ้วย แต่หลังจากนั้น ฤดูกาล 2005-2006 ดีเอโกไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีได้ ลงเล่นให้ปอร์โตไปแค่ 22 นัด ทำได้แค่ 2 ประตู ทำให้หลุดทีมชาติชุดบอลโลก 2006 และถูกขายให้ทีมเวเดอร์ แบรเมน ในบุนเดสลีกา ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร ในปี 2006
แฟนบอลต่างตนัดแรกกับทีมแบรเมน คือการเจอทีม DFB-Ligapokal ในลีกคัพ และพาทีมคว้าแชมป์ในวันที่ 5 สิงหาคมเหนือ บาเยิน มิวนิก และทำ 2 ประตู ในนัดฮันโนเวอร์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2006 และอีก 2 ประตูให้ทีมชนะเลเวอร์ 2-1 ด้วยฟอร์มเปิดตัวอย่างสุดยอดจึงคว้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมอย่างไร้คู่แข่ง และกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมร่วมกับฟริงส์ นอกจากนั้นยังถูกโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมและอีกครั้งในเดือนธันวาคม พร้อมตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำครึ่งฤดูกาลแรก ทำให้แฟนบอลเจ้านกนางนวลต่างลืมอดีตเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 นามโยฮัน มิกูด์ มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสไปอย่างสิ้นเชิง และด้วยฟอร์มที่สุดยอดนี้เอง ดีเอโกจึงถูกเรียกเข้าสู่ทีมชาติอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2006
ในวันที่ 20 เมษายน 2007 นัดพบอาเค่น ดีเอโกทำประตูในระยะ 62.5 เมตร ซึ่งเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลให้ทีมชนะด้วยสกอร์ 3-1 พร้อมขึ้นตำแหน่งจ่าฝูง มีคะแนน 60 แต้ม แต่ทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ดีเอโกซึ่งทำไป 13 ประตู และถวายพานให้เพื่อนอีก 13 ครั้ง คว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลด้วยเสียงโหวต 50 % เป็นรางวัลปลอบใจ และร่วมพาทีมบราซิลคว้าแชมป์โคปา อเมริกาประจำปี 2007 อีก 1 สมัย
ดีเอโกเริ่มฤดูกาลใหม่ด้วยการทำประตูจากจุดโทษในนัดอุ่นเครื่อง ในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนลีกกับรีล มาดริด ที่ทีมแพ้ไป 1-2 ดีเอโกโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจนเข้าตาแบรนด์ ชุสเตอร์โค๊ชรีล แต่จบลงด้วยการเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมไปจนถึงปี 2011 หลังพ่ายแพ้จากรีลแล้ว ทีมกลับมาเปิดบ้านถล่มสตุทการ์ทแชมป์เก่าด้วยสกอร์ 4-1 และถล่มบีเลฟิลด์ 8-1 ซึ่งดีเอโกผ่านบอลให้เพื่อนทำ 3 ประตู
ช่วงซัมเมอร์ 2008 ดีเอโกและผองเพื่อนเซเลเซาพาทีมคว้าอันดับสามในฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่เมืองจีน และกลับมาเล่นกับในลีกกับทีมไป 24 นัด ทำ 11 ประตู ก่อนจะจบด้วยอันดับ 10 รวมทั้งฤดูกาลลงเล่นทั้งสิ้น 41 นัด ทำไป 20 ประตู ซึ่ง 2 ประตูช่วยให้ทีมเข้าสู่นัดชิงยูฟ่าคัพที่อีสตันบูล แต่ต้องพ่ายต่อชัคเตอร์ โดเน็ตส์คจากยูเครนไป 2-1 ก่อนจะกลับมาจ่ายบอลให้โอซิลทำประตูชัยให้ทีมคว้าแชมป์ DFB- Pocal ไปครอง
หลังจากลงเล่นไป 130 นัด ยิงไป 51 ประตูกับเจ้านกนางนวลแล้ว วันที่ 26 พฤษภาคม 2009 ดีเอโกก็เซ็นสัญญา 5 ปีมาร่วมทีมยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 24.5 ล้านยูโร โดยแบ่งจ่าย 3 งวด งวดแรก 14 ล้านยูโร งวดที่สอง 5.5 ล้านยูโรในปีหน้า และอีก 5 ล้านยูโรในปี 2011 นอกจากนั้นยังเพิ่มอีก 2.5 ล้านยูโร ถ้าทำผลงานได้ดีตลอดระยะเวลา 5 ปีที่เซ็นสัญญา
การเซ็นสัญญาครั้งนี้นำความสุขมายังเหล่าสาวกเบียงโคเนรีทั่วโลก พร้อมกระตุ้นเหล่าแฟนบอลให้จดจ่อกับฤดูกาลที่จะมาถึง ทั้งนี้ทั้งนั้น แฟนม้าลายต่างหวังว่ากองกลางเจ้าของความสูง 173 ซม. ผู้นี้จะสามารถมาทดแทนเน็ดเวดผู้จากไปเพื่อพาทีมสู่ยุคใหม่ต่อไป