25.5.52

ciro ferrara

ชิโร เฟอร์เรรา กองหลังชาวอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1967 เป็นชาวเมืองเนเปิลโดยกำเนิด เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมนาโปลีในปี 1985 ลงเล่นนัดแรกอย่างเป็นทางการนัดเสมอยูเว่ 0-0 รวมเล่นให้นาโปลี 272 นัด ทำ 13 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย (1986/1987 และ1989/1990) แชมป์อิตาเลี่ยน คัพ 1 สมัย (1986/1987) อิตาเลี่ยน ซูเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย (1990) และวันที่ 17 พฤษภาคม 1989 เฟอร์เรร่าในวัย 27 ร่วมกับ ดีเอโก มาราโดนา ซูเปอร์สตาร์ของโลกพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ โดยเฟอร์เรร่าทำประตูได้ในนาที 39 ของเลก 2 ให้ทีมชนะสตุทการ์ทจากเยอรมันรวม 5-4 ก่อนย้ายมาอยู่กับยูเว่ในปี 1994 พร้อมกับเป็นกัปตันทีมในเวลาต่อมา และเป็นนักเตะสำคัญพาทีมคว้าแชมเปียนลีก 1 สมัย (1995/1996) ยูโรเปียน ซูเปอร์คัพ 1 สมัย (1996) อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 1 สมัย (1996) แชมป์ลีก 5 สมัย (1994/1995, 1996/1997, 1997/1998, 2001/2002 และ2002/2003) แชมป์อิตาเลี่ยน คัพ 1 สมัย (1994/1995) และอิตาเลี่ยน ซูเปอร์คัพ อีก 2 สมัย (1995,1997) อีก 2 สมัยเป็นตัวสำรอง (2002,2003)
22 พฤษภาคม 1996 เฟอร์เรร่ากับทีมยูเว่ภายใต้การนำของมาเชโล ลิปปีหัวหน้าโค๊ชและกัปตันจิอันลูกา วิอัลลีเดินเข้าสู่สนามโอลิมปิโก กรุงโรม เพื่อทำศึกนัดสำคัญกับอแจ๊กซ์ยักษ์ใหญ่จากฮอลแลนด์ นั่นคือ ยูโรเปียน ลีก และจากการทำประตูของไอ้ผมหงอกฟาบริซิโอ ราวาเนลลี ในนาที 12 ให้ทีมขึ้นนำ แต่ ก่อนหมดเวลา 4 นาที ยารี ลิทมาเนน ตีเสมอให้อแจ๊กซ์ จากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรไม่ได้ จึงชี้ผลการด้วยลูกจุดโทษ และเป็นเฟอร์เรร่าเองที่เดินเข้าไปยิงเป็นคนแรกของทีม ผลทีมชนะจุดโทษ 4 ต่อ 2 และแล้วทีมยูเว่ก็ได้ชูเจ้าหูโต ต่อหน้าแฟนบอล 67,000 คน ในค่ำคืนนั้น
ฤดูกาล 1996/1997 เป็นฤดูกาลที่เฟอร์เรร่าเล่นได้ดีที่สุด และทำได้ 4 ประตู จากการลงเล่น 32 นัด และติดทีมชาติ 8 นัด ปี 1998 เฟอร์เรร่าในวัย 31 ปี ยังคงทำผลงามได้อย่างสุดยอดและได้รับรางวัลกองหลังยอดเยี่ยมภายในประเทศอีก แต่จากอาการบาดเจ็บหลายสัปดาห์ก่อนบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส จะเริ่มขึ้น ทำให้ตัวเองพลาดโอกาสติดทีมชาติชุดนั้น ตำแหน่งของเฟอร์เรร่าจึงตกเป็นของคันนาวาโร ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา บทบาทของเฟอร์เรร่าในทีมยูเว่เริ่มไม่มั่นคง ตำแหน่งกัปตันจึงตกเป็นของอเล็กส์ เดล ปิเอโร
เฟอร์เร่าเล่นให้ทีมยูเว่ไป 307 นัด ทำ 15 ประตู และเล่นให้ทีมชาตินัดแรกในปี 1987 ฟุตบอลโลกปี 1990 ได้ลงเล่น 1 นัด และยูโร 2000 อีก 1 นัด ถึงไม่ได้รับตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติ แต่เฟอร์เรร่าก็ยังมีความสุข เพราะในทีมอิตาลียุคนั้นอุดมไปด้วยกองหลังระดับเวิล์ด คลาส ไม่ว่าจะเป็น ฟรังโก บาเรซี่ (Franco Baresi) อเลสซานโดร คอสตาคูตา (Alessandro Costacuta) เมาโร ทัสซอตติ (Mauro Tassotti) ปิเอโตร เวียโชวอด (Pietro Vierchowod) ริคาโด เฟอร์รี (Ricardo Ferri) จูเซปเป เบอโกมี่ (Giuseppe Bergomi) เปาโล มัลดินี่ (Paolo Maldini) รวมทั้งรุ่นน้องอย่าง ฟาบิโอ คันนาวาโร (Fabio Cannavaro) และอเลสซานโดร เนสตา (Alessandro Nesta) พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่รบกวนบ่อยครั้งในช่วงนั้น เฟอร์เรร่าติดทีมชาติทั้งสิ้น 49 นัด ก่อนแขวนสตั๊ด ในปี 2005
หลังแขวนสตั๊ด เฟอร์เรร่ามาเป็นสตาฟให้มาเชโล ลิปปี และร่วมกันพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกในปี 2006 ที่เยอรมัน หลังสิ้นสุดฟุตบอลโลก เฟอร์เรร่ามาทำงานกับทีมยูเว่ร่วมกับจิอันลูกา เปซอตโต (Gianluca Pessotto) โดยเป็นหัวหน้าดูแลระบบเยาวชนของทีม หลังจากศึกษาการเป็นโค๊ชที่ศูนย์โคเวอร์เซียโน เมืองฟลอเรนซ์ และได้รับใบอนุญาติการเป็นโค๊ชจากยูฟ่าในเดือนกรกฎาคม ปี 2008
จากผลงานไม่ชนะคู่แข่ง 7 นัดติดต่อกันของยูเว่ภายใต้การกุมบังเหียรของเคลาดิโอ รานิเอรี่ ทางบอร์ดบริหารจึงแต่งตั้งเฟอร์เรร่าขึ้นเป็นหัวหน้าโค๊ชชั่วคราวในวันที่ 18 พฤษภาคม 2009 ในขณะที่เหลือแค่ 2 นัด กับตำแหน่งอันดับ 3 ในตารางคะแนนตอนนี้ และแล้วนัดประเดิมสนามของเฟอร์เรร่าก็มาถึงในวันที่ 25 พฤษภาคม 2009 โดยไปเยือนถิ่นของเซียน่า ซึ่งผลปรากฏว่าทีมเก็บชัยชนะได้สำเร็จ ทำให้ขณะนี้มีคะแนน 71 คะแนนเท่ากับอันดับ 2 อย่างมิลาน
ข้อมูลจาก http://en.wikipedia.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น